ในช่วงนี้โควิด-19 กำลังระบาดหนัก ทำให้การข้ามพรมแดนไปท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านไม่ต้องหวังในระยะอันใกล้นี้ แต่ทั้งนี้ในวันนี้จะมาเล่าถึงความสนุกสนานจากการเดินทางไปท่องเที่ยวตลาด ปาดังเบซาร์ เผื่อว่าวันหนึ่งด่านพรมแดนสามารถกลับมาเปิดได้ตามปกติ
ปาดังเบซาร์ อาจจะเป็นหนึ่งในที่ที่คุณอยากไป
การเดินทางไปยัง ปาดังเบซาร์ สามารถไปได้หลายวิธี ได้แก่ นั่งเครื่องบินไปลงสนามบินหาดใหญ่ แล้วต่อรถไปอีก 1 ชม การเดินทางด้วยรถทัวร์จากสายใต้ตลิ่งชันใต้ ใช้เวลาราว 15-16 ชม แล้วต้องต่อรถอีกทอดหนึ่ง
แต่สำหรับการรีวิวนี้จะเดินทางด้วยรถไฟ ซึ่งเที่ยวขบวนแนะนำคือ 45 จะออกรถราวบ่าย 3 โมง จากสถานีหัวลำโพง ถึงปาดังเบซาร์ประมาณ 10 โมงเช้าของอีกวัน โดยขบวนจะจอดทั้งในฝั่งไทยและมาเลเซีย
ระหว่างการเดินทางขอแนะนำให้ซื้ออาหารจากหัวลำโพงกินไปก่อน จากนั้นเมื่อถึงราชบุรีให้ซื้อผัดก๋วยเตี๋ยว ถ้ากลางคืนยังไม่อิ่มให้ซื้อข้าวที่สถานีหัวหิน ส่วนตอนเช้าอาจจะซัดไก่ทอดหาดใหญ่เป็นมื้อแรกก่อนก็ไม่ว่ากัน ก่อนที่จะไปจัดมื้อกลางวันที่ปาดังเบซาร์
เมื่อถึงปาดังเบซาร์ เราสามารถเลือกได้ว่าจะลงฝั่งไทยหรือฝั่งมาเลเซีย โดยถ้าลงฝั่งไทยแล้วจะไปเดินตลาดฝั่งมาเลเซียต่อ จะต้องเดินไกลกว่า 2 กม สำหรับไฮไลท์ของตลาดปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซีย อย่างแรกคือ อาหารแห้งประเภทถั่ว ซึ่งจะจะเป็นของดีของที่นี่ ดังจะเห็นได้ว่าร้านขายของฝากจากปักษ์ใต้มักจะมีแทบทุกร้าน
ถัดมาจะเป็นอาหารประเภทขนมยี่ห้อต่างๆ เช่น คิทแคท หรือโคอาล่ามาร์ช ราคาถือว่าถูกกว่าฝั่งไทยครึ่งหนึ่ง โดยถ้าใครเป็นสาวกขนม 2 ยี่ห้อนี้แล้ว ต้องไม่พลาดที่จะกวาดซื้อกลับไป
ส่วนของดีอีกอย่างที่เชื่อว่าไม่มีร้านขายของฝากที่ไหนเอาไปขาย นั่นคือร้านขายเสื้อฟุตบอล ซึ่งในตลาดปาดังเบซาร์จะมีร้านขายเสื้อบอลต่างประเทศปีเก่าๆ มากมาย โดยที่บางตัวไม่มีขายแล้วในไทย ฉะนั้นใครขาดเสื้อบอลทีมไหน ที่นี่จะเป็นคำตอบให้กับผู้รักเสื้อบอลอย่างแน่นอน อีกทั้งราคายังถูกแบบน่าเหลือเชื่อ เพียงแค่ 20-25 ริงกิตเท่านั้น (1 ริงกิต = 7 บาท)
เมื่อเดินตลาดปาดังเบซาร์เสร็จเรียบร้อย ไม่แนะนำให้รีบกลับ แต่ขอแนะนำ 2 ทาง คือเดินทางด้วยรถไฟไปเที่ยวต่อในมาเลเซีย ไม่ว่ากัวลาลัมเปอร์หรือปีนัง ขณะที่อีกทางคือการต่อรถกลับไปเที่ยวในตัวเมืองหาดใหญ่
ติดตามเที่ยวยังไงให้มันส์และติดตามเที่ยวเมืองรอง จังหวัดกำแพงเพชร สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าอะเมซิ่งไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ
